รีวิว The Exorcist หมอผีเอ็กซอร์ซิสต์ (1973)

The Exorcist หมอผีเอ็กซอร์ซิสต์ (1973)

หนังประเทศ : สหรัฐอเมริกา

เรื่องย่อ :
“The Exorcist” คือหนึ่งในภาพยนตร์สยองขวัญที่ถูกยกย่องมากที่สุดในประวัติศาสตร์ เล่าเรื่องของ “รีแกน แม็กนีล” เด็กหญิงวัย 12 ปี ที่อยู่กับแม่ในบ้านเช่าที่ดูปกติทุกอย่าง แต่วันหนึ่งเธอเริ่มมีอาการแปลกประหลาด ตั้งแต่เสียงพึมพำแปลก ๆ การพูดจาหยาบคาย ความรุนแรงที่ไม่ใช่ของเด็ก และพฤติกรรมเหนือธรรมชาติที่แพทย์ทุกคนไม่สามารถอธิบายได้

แม่ของรีแกนพยายามรักษาลูกด้วยวิธีการแพทย์ทุกทางแต่กลับแย่ลงเรื่อย ๆ จนในที่สุดเธอเริ่มเชื่อว่าลูกของเธอ “ถูกสิ่งชั่วร้ายสิงร่าง” และต้องหันไปหาวิธีสุดท้าย— “การไล่ปีศาจ” โดยบาทหลวงสองคนคือ “ฟาเธอร์คาร์ราส” และ “ฟาเธอร์แมร์ริน” เพื่อทวงคืนร่างของเด็กหญิงกลับมาจากพลังชั่วร้ายที่ไม่มีใครเคยเผชิญมาก่อน

บทความรีวิว :
The Exorcist ไม่ใช่แค่หนังผี แต่เป็นประสบการณ์ทางอารมณ์ที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกไม่ปลอดภัยแม้อยู่ในที่สว่าง หนังใช้ความสมจริงแบบสารคดีในครึ่งแรก เพื่อให้ผู้ชมค่อย ๆ เห็นอาการของรีแกน ที่เริ่มจากความผิดปกติเล็ก ๆ จนลุกลามไปสู่สิ่งที่เหนือกว่ามนุษย์จะรับได้ เทคนิคการกำกับของ “วิลเลียม ฟรีดคิน (William Friedkin)” ทำให้ทุกฉากเหมือนมีสายตาอะไรบางอย่างจับจ้องอยู่ตลอดเวลา

งานสร้างปี 1973 แต่ยังคงทรงพลังในทุกยุคสมัย เพราะหนังไม่ได้ใช้ CGI แต่ใช้การแสดงจริง อุปกรณ์จริง และเทคนิค practical effects ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเสียงปีศาจอันเย็นเยียบ ใบหน้าของรีแกนที่ค่อย ๆ เปลี่ยนไป เสียงกระซิบในห้อง หรือแม้แต่การสั่นไหวของเตียงที่ทำให้ความหลอนสมจริงจนคนดูหนาวไปถึงกระดูก

ฉากการเปลี่ยนเสียงของรีแกน การบิดคอ 180 องศา ฉากลอยตัว ฉากพูดจาดูหมิ่นศาสนา ล้วนเป็นซีนที่ถูกพูดถึงตลอดหลายสิบปี และยังถูกจัดอันดับเป็นหนึ่งในฉากที่น่ากลัวที่สุดตลอดกาล

สปอยล์ :


ฟาเธอร์แมร์รินและฟาเธอร์คาร์ราสเริ่มพิธีไล่ผี โดยปีศาจในตัวรีแกนเรียกตัวเองว่า “ปาซูซู” ซึ่งมีพลังมหาศาลและพยายามทำลายจิตใจของทั้งสองบาทหลวง แมร์รินต้องเผชิญกับพลังที่ท้าทายศรัทธาของเขา ในขณะที่คาร์ราสต้องต่อสู้กับความรู้สึกผิดเรื่องแม่ของเขาเอง

ระหว่างพิธี แมร์รินเสียชีวิตบนพื้นห้องเพราะความเครียดจากปีศาจ คาร์ราสจึงยอม “ท้าทายปีศาจ” โดยขอให้มันเข้าสู่ร่างของเขาแทน เขาใช้จิตใจต่อรองว่าให้ปล่อยเด็กหญิงไป แทนที่ปาซูซูจะยึดร่างรีแกนต่อ มันจึงเข้าสู่ตัวคาร์ราสทันที

ในวินาทีสุดท้าย คาร์ราสพยายามฆ่าปีศาจด้วยตัวเอง เขากระโดดออกจากหน้าต่างและตกลงบันไดอย่างรุนแรงจนเสียชีวิต เป็นการสละชีวิตเพื่อช่วยเด็กผู้บริสุทธิ์ รีแกนกลับมาปกติ แต่ไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเหตุการณ์สุดสยองนี้

ตอนจบที่เงียบ สงบ แต่หดหู่ ทำให้ The Exorcist กลายเป็นภาพยนตร์ที่ไม่ใช่เพียงความกลัว แต่คือโศกนาฏกรรมของความศรัทธา ความเสียสละ และความสิ้นหวังของมนุษย์เมื่อเผชิญกับสิ่งที่เกินกว่าวิทยาศาสตร์จะอธิบาย

บทวิจารณ์ :
The Exorcist ถูกยกย่องว่าเป็น “หนังสยองขวัญที่ดีที่สุดตลอดกาล” ไม่ใช่เพราะความตกใจ หรือฉากผีโผล่ แต่เพราะความลึกทางอารมณ์และจิตวิทยาที่สั่นสะเทือนความเชื่อของผู้ชม ตัวหนังนำเสนอคำถามว่าความดี ความชั่ว และศรัทธามีจริงหรือไม่ และมนุษย์จะทำอย่างไรเมื่อเจอสิ่งที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้

การแสดงของลินดา แบลร์ (ในบทรีแกน) ทรงพลังอย่างเหลือเชื่อสำหรับเด็กวัย 12 ปี เธอสามารถถ่ายทอดความไร้เดียงสาที่ถูกปีศาจทำลายจนเหลือเพียงความน่าสยดสยอง กลายเป็นหนึ่งในบทการแสดงระดับตำนานในโลกภาพยนตร์

ดนตรีประกอบ “Tubular Bells” กลายเป็นสัญลักษณ์ของความหลอนระดับโลก เสียงคีย์บอร์ดวนซ้ำที่ทั้งเย็นชาและสะกดจิตผู้ชมทำให้ทุกครั้งที่ได้ยิน มันเหมือนขนลุกเองโดยอัตโนมัติ

นี่ไม่ใช่แค่หนังผี แต่เป็น “ประสบการณ์ภาพยนตร์” ที่ยังคงส่งอิทธิพลต่อหนังสยองขวัญยุคใหม่มากมาย และยังคงทรงอิทธิพลแม้จะผ่านมาแล้วกว่า 50 ปี

ตัวอย่างหนังจาก YouTube

 

Author: giga

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *